ทำความรู้จักกับ Prefixes และ Suffixes ในภาษาอังกฤษ

10567

ทราบหรือไม่ว่าการเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ภาษาอังกฤษ หรือการจะเดาคำศัพท์ (จำนวนหนึ่ง) ได้นั้น จำเป็นจะต้องมีความรู้เรื่อง Prefixes และ Suffixes ด้วย เพราะ root (รากศัพท์) คำหนึ่งอาจจะถูกสร้าง หรือประกอบด้วย Prefix หรือ Suffix จนทำให้มีความหมายเปลี่ยนไปจากเดิม ดังนั้นการที่เราจำ prefix, root และ suffix ได้ จะช่วยให้เราเดาหรือจดจำคำศัพท์ใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้นค่ะ

นอกจากนี้ในเรื่องของ prefix และ suffix ก็มีบทบาทสำคัญในการทำข้อสอบ Error Identification ด้วยนะคะ เนื่องจากข้อสอบตระกูล error หาคำผิดในประโยคเนี่ย มักนำ word forms ที่ผิดมาทำหน้าที่หรือวางตำแหน่งที่ผิดเป็นต้น ครูณิชายกตัวอย่างนะคะ They will not rectification themselves on their own. สังเกตว่าคำที่ขีดเส้นใต้ -ication เนี่ยเป็น suffix ที่เปลี่ยนรูปคำเป็นคำนามค่ะ ดังนั้นจะมาอยู่หลัง will not ไม่ได้ เพราะต้องตามด้วย infinitive verbs หรือ bare verbs ก็คือกริยารูปธรรมดานั่นเอง ดังนั้นเราต้องตัดรูป -ication ออก กลับเป็น rectify เหมือนเดิม

.

สำหรับตัวอย่างนี้ rect เป็นรากศัพท์ นึกถึงคำว่า correct ที่แปลว่าถูกต้อง เกี่ยวกับความหมายคำว่า “ถูกต้อง” นั่นเอง เติม -ify เป็นกริยา แปลว่าทำให้ถูกต้อง (การใช้ suffix เปลี่ยนรูปเป็นคำนามส่วนใหญ่ ถ้าคำศัพท์เดิมลงท้ายพยางค์ด้วย f มักจะเติม -ication หรือกรณีที่ครูยกตัวอย่างคำเดิม rectify ลงท้าย y ก็เปลี่ยน y เป็น i แล้วจึงเติม -cation เข้าไป (สามารถเข้าใจได้สองแบบคือ ตัด y เติม -ication หรือ เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม -cation เข้าไป ตรงนี้แล้วแต่ความเข้าใจของเราได้เลยค่ะ อย่าใช้ผิดคำก็พอ)

อีกตัวอย่างนะคะ
spec รากเดิมมีความหมายว่า มอง, ดู, เฝ้ามอง
specify เติม -ify เป็นกริยา แปลว่า กำหนด ระบุรายละเอียด (มองให้ถี่ถ้วนแล้วบ่งชี้)
specific เติม -ific เป็นคำคุณศัพท์ แปลว่า โดยเฉพาะ โดยเฉพาะเจาะจง
specification เติม -ication เป็นคำนาม การระบุรายละเอียด (บอกถึงคุณลักษณะ/คุณสมบัติของสิ่ง ๆ หนึ่ง)
เป็นต้นค่ะ

คำถามต่อมาคือต้องไปท่องจำ root, prefix และ suffix แยกกันเป็นคำ ๆ ด้วยรึเปล่า คำตอบคือสังเกต บันทึก จดจำเอาก็ได้ค่ะ เพราะการสังเกตเชื่อมโยงจากความรู้เดิม ๆ คำศัพท์เดิม ๆ ที่พอผ่านตามาบ้างก็ช่วยได้เยอะเลยทีเดียว

Prefixes คือคำเติมหน้า มักทำหน้าที่เปลี่ยนความหมายไปจากเดิมเล็กน้อย อาจจะกลายเป็นตรงกันข้าม ขึ้นอยู่กับประเภท prefix นั้น ๆ
Suffixes คือคำเติมหลัง มักทำให้คำ ๆ หนึ่งเปลี่ยนหน้าที่ไป ความหมายเปลี่ยนไปบ้าง (อาจจะต้องจินตนาการเพิ่มอีกนิดหน่อยว่าทำไมถึงเปลี่ยนไปในความหมายนั้น)
Roots คือรากศัพท์ที่จะนำมาสร้างคำใหม่ ๆ โดยการเติม prefix หรือ suffix หรือเติมทั้งคู่ไปเลยก็ได้ตามการใช้งาน

วันนี้ครูณิชานำตัวอย่าง Prefixes, Roots และ Suffixes มาฝากค่ะ เผื่อเป็นแนวทางสำหรับใครหลาย ๆ คนให้ไปต่อยอดเรียนรู้คำศัพท์เพิ่มเติมได้

เริ่มจาก prefix ก่อนเลยแล้วกัน เพราะคำว่า pre- แปลว่า ก่อน/ก่อนหน้า (มาก่อน) อยู่แล้ว

ir-          ไม่
il-          ไม่
im-        ไม่
in-         ไม่
un-        ไม่ (หรือตรงข้ามกับความหมายเดิม) / นำออก
out-       มาก/นอกเหนือ/เกินกว่า

ตัวอย่าง
legal = ถูกกฎหมาย/เป็นไปตามกฎหมาย (คำนี้เป็น adjective)
illegal = ที่ผิดกฎหมาย
law = กฎหมาย (คำนาม)
outlaw = ผู้ที่ทำนอกเหนือกฎหมาย (ผู้ทำผิดกฎหมาย)
told = ที่ถูกบอกเล่า (past participle ของ tell)
untold = ที่ไม่ได้ถูกเล่าออกมา
เป็นต้น

Suffix ที่พบบ่อย (ควรรู้)
-ous                   เปลี่ยน noun เป็น adjective
-ful/-iful              เปลี่ยน verb/noun เป็น adjective
-en                     เปลี่ยน adjective เป็น verb

ตัวอย่าง
danger = ความอันตราย
dangerous = น่าอันตราย/ที่อันตราย
use = ใช้งาน
useful = มีประโยชน์ (= ที่เต็มไปด้วยการใช้งานได้/ที่ใช้ได้กับ…)
beauty = ความสวย
beautiful = สวย
white = ขาว
whiten = ทำให้ขาว
เป็นต้น

วันนี้ครูณิชานำตัวอย่างการใช้งานมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะคะ สำหรับใครที่สนใจอยากหาอ่านเพิ่มก็สามารถค้นหาอ่านได้ด้วยการค้นหาคำว่า “prefix และ suffix พร้อมคำแปล” ดูค่ะ บทความหน้าครูณิชาจะมาเจาะลึกให้มากกว่านี้ค่ะ ว่าคำ prefix หรือ suffix ใดใช้กับคำประเภทใดลงท้ายด้วยคำใดตัวพยัญชนะใดเป็นต้น

สำหรับวันนี้ครูณิชาขอตัวลาไปก่อน สวัสดีค่า 😊

Share
.