Top Secret

            หลายคนมีโอกาสได้ไปศึกษาต่อเมืองนอกเป็นเวลานานหลายปี แต่พอกลับมายังบ้านเกิดเมืองนอน บรรดาญาติพี่น้องกลับต้องแปลกใจว่า ทำไมทักษะภาษาอังกฤษของคนๆนั้น จึงไม่ได้กระเตื้องขึ้นมากเท่าที่ควร แม้ว่าส่วนใหญ่จะพกความมั่นใจติดตัวกลับมาก็ตาม             บางคนก็ถูกเพื่อนเก่าแซวว่า "ภาษาอังกฤษยังเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือใบปริญญา" ว่าแต่...ทำไมพวกเขาถึงสามารถเรียนจบปริญญาได้ เรื่องนี้มันเป็นไปได้หลายประการ เช่น จ้างคนอื่นไปเรียนแทน ไปทำข้อสอบแทน และทำรายงานแทน เป็นต้น อีกความเป็นไปได้หนึ่ง คือ มหาวิทยาลัยในเมืองนอกบางแห่งนั้น ไม่เข้มงวดพอ กล่าวคือ ปล่อยให้นักศึกษาต่างชาติลอกข้อสอบกันได้ เพราะเขาถือว่าไม่ใช่พลเมืองของประเทศเขา ที่ควรจะต้องเรียนจบไปพร้อมกับวิชาความรู้อย่างมีคุณภาพ นี่ไม่ได้หมายความว่า นักศึกษาไทยจะเป็นเช่นนั้นทุกคนนะครับ แค่บางส่วนเท่านั้น เอ้า! หันมาพูดเรื่องของเรากันดีกว่าว่า บางคนไปอยู่เมืองนอกมาหลายปี เหตุใดจึงยังไม่มีความชำนาญในการใช้ภาษาอังกฤษ ไม่มีพื้นฐานมาแต่เดิม             ปกติแล้ว เวลาที่นักศึกษาไทยหรือต่างชาติไปเรียนต่อที่ประเทศเจ้าของภาษา พวกเขาจะต้องลงทะเบียนเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเพื่อปูพื้นฐาน ก่อนที่จะเข้าไปเริ่มเรียนหลักสูตรปริญญาหรือวิชาชีพต่างๆ             อย่างไรก็ตาม หากไม่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษติดตัวไปบ้างสักหน่อยแล้ว พวกเขาก็จะไม่สามารถเรียนได้แม้กระทั่งระดับชั้นที่ต่ำสุดของคอร์สภาษาอังกฤษในประเทศเจ้าของภาษา             ผลลัพธ์ก็คือ เรียนภาษาอังกฤษในคอร์สปูพื้นฐานเหล่านั้น แบบไม่รู้เรื่องนั่นเอง ขาดวินัยในตนเอง นักศึกษาไทยหลายๆ คน มักจะโดดเรียนในคอร์สเรียนปูพื้นฐานภาษาอังกฤษ ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ บางคนก็โดดเรียนไปเที่ยวเล่น...

วันนี้ครูณิชามีเทคนิคการเรียนภาษาอังกฤษมาฝากกันอีกแล้วค่ะ สำหรับใครที่กำลังเริ่มเรียนภาษาอังกฤษบอกเลยว่าถ้าทำแบบนี้แล้ว 1-2 เดือนก็เห็นการเปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ และจะได้ผลดียิ่งขึ้นหากทำทุกวันเป็นเวลา 3 เดือนขึ้นไป เราจะใช้ภาษาอังกฤษคล่องได้แน่นอน 1. อ่านทุกอย่างที่เป็นภาษาอังกฤษที่หามาได้ วรรณกรรมคลาสสิค หนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ อีเมล์ โซเชียลมีเดีย ฉลากอาหาร กล่องขนม ทุกสิ่งที่เป็นภาษาอังกฤษ เพราะจะช่วยให้เราเก็บเกี่ยวคำศัพท์ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา และยังเป็นการทบทวนคำศัพท์ที่รู้อยู่แล้วไม่ให้ลืมเลือนไปด้วย และเมื่อเราได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ แล้วก็มาขั้นต่อไปเลย 2. จดคำศัพท์ใหม่...

“หลายๆคนน่าจะมีปัญหา เวลาที่ต้องอ่านอะไรที่มันเป็นภาษาอังกฤษเนี่ย มันเข้าใจยากเหลือเกิน” “จะให้พูดภาษาอังกฤษพื้นฐานเรายังติดๆขัดๆเลย” ไม่เป็นไรวันนี้เรานำเทคนิคดีๆมาให้ เผื่อว่าท่านใดอยากจะนำไปฝึกใช้หรือว่านำไปฝึกอ่าน  อย่างไรก็ตามบทความนี้เนื่องจากจะนำเทคนิคนั้นไปฝึกอ่านได้แล้ว เรายังเสริมตัวแรงกระตุ้น ทำยังไงให้อ่านแบบสนุกๆด้วย ไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง หลักๆเลยก็จะมีทั้งหมด 7 เทคนิคด้วยกัน ที่จะทำให้คุณนั้นได้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีประสิทธิภาพและสนุกด้วย  1. หนังสือเป็นอะไรที่สำคัญมากๆเลย ถ้าคุณเลือกหนังสือผิดเล่ม มันจะทำให้เรารู้สึกว่ายากเกินไปอยู่ น่าเบื่อเกินไป……  แล้วมันจะทำให้หมดกำลังใจในการอ่าน ดังนั้นแล้วก็ดูดีๆว่าเรานั้นชอบเกี่ยวกับอะไร ถ้าเราชอบเกี่ยวกับนิยายการ์ตูน ก็หาอะไรอ่านแบบนั้น หรือว่าถ้าเราเป็นคนชอบอ่านข่าวต่างประเทศก็อาจจะจะลองหาหนังสือพิมพ์ของต่างประเทศมาอ่านดู  2. พยายามอ่านบทความภาษาอังกฤษแบบที่เราอ่านบทความในภาษาไทยคำว่าคุณไม่ควรจะอ่าน โดยการที่จะต้องไปเข้าใจมันทุกคำ เวลาที่เราอ่านหนังสือภาษาไทยเนี่ย ปกติแล้วเราไม่จำเป็นจะต้องอ่านทุกๆคำที่มันมีอยู่ในหน้านั้น เราอาจจะข้ามบ้างเล็กน้อยเพราะเรารู้อยู่แล้วว่าขณะนี้กำลังถึงอะไร หรือเราไม่จำเป็นต้องไปเข้าใจมันในทุกคำที่อยู่บนหน้ากระดาษขณะนั้น บางทีภาษาไทยเอง...

"คำนี้ต้องออกเสียงสูง พยางค์นี้ต้องออกเสียงต่ำ จำเอาไว้ให้ดีนะคะนักเรียน" ผมเชื่อว่า คนใน Generation X และคนรุ่นก่อนหน้านั้น (อาจรวมถึงนักเรียนไทยในยุคปัจจุบันนี้ด้วย) ต้องเคยได้ยินคำสอนในลักษณะดังกล่าว จากครูที่สอนวิชาภาษาอังกฤษในโรงเรียนทั่วไป โชคร้ายที่คำสอนดังกล่าว ส่งผลให้เด็กไทยส่วนใหญ่ ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเป็นธรรมชาติ หากคุณเคยเป็นหนึ่งในบรรดานักเรียนที่ถูกสอนมาเช่นนั้น มันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คุณพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ จนกระทั่งพูดได้คล่องเหมือนเจ้าของภาษา เพราะคุณลักษณะสำคัญที่ถือเป็นตัวชี้วัดว่า คุณพูดเหมือนเจ้าของภาษาหรือไม่นั้น คือ…. การพูดได้อย่างลื่นไหลและฟังดูเป็นธรรมชาติ การพูดอย่างลื่นไหลเป็นธรรมชาติ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ถ้าคุณมัวแต่ต้องคอยใช้สมองคิดว่า คำไหนต้องออกเสียงสูงและคำไหนต้องออกเสียงต่ำ ก่อนที่จะพูดออกมาแต่ละคำ? ประเด็นก็คือ คำสอนดังกล่าวของครูภาษาอังกฤษ ที่คุณอาจจำฝังใจมาตั้งแต่สมัยเรียนนั้น มันผิด! ที่จริงแล้ว ไม่มีกฏเกณฑ์ข้อไหนในการพูดภาษาอังกฤษที่ระบุว่า คำใดต้องออกเสียงสูงหรือคำใดต้องออกเสียงต่ำ การที่เสียงจะสูงหรือต่ำ มันขึ้นอยู่กับบริบทและอารมณ์ความรู้สึกในขณะที่พูดคำๆนั้นออกมาต่างหาก ตัวอย่างเช่น คำว่า man ที่ออกเสียงว่า แมน สมมติว่า มีชาวผิวดำสองคนที่ไม่ได้เจอกันมานาน บังเอิญเดินผ่านมาเจอกันที่ริมถนน พวกเขาอาจจะทักทายกันอย่างสนิทสนมว่า... "What's up,...

การเขียนดูเหมือนจะเป็นยาขมสำหรับใครหลาย ๆ คน ซึ่งหลายคนพอต้องเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ (Essay) ถึงกับรู้สึกทนทุกข์ทรมาน เรียกได้ว่ารู้สึก painful มาก ๆ เลยพอต้องเจอ writing task(s)  วันนี้ครูณิชานำเทคนิคการพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษมาฝากค่ะ หากทำตามขั้นตอนนี้ครูณิชายืนยันเลยว่าทุกคนจะสามารถพัฒนาทักษะการเขียนได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน เริ่มต้นพื้นฐานสุดคือการอ่าน การอ่าน อ่าน และก็อ่านจะทำให้พวกเราสามารถเรียนรู้คำศัพท์ และซึมซับรูปแบบประโยคได้อย่างมากมาย การอ่านจะช่วยให้เราลดเวลาการเรียน Grammar และ Vocabulary ลงได้เยอะมากใช้ Monolingual Dictionary...

            เคยไหมครับ ที่รู้ว่าอาหารบางอย่างมีประโยชน์ เช่น ผักโขม บร็อคโคลี่ หรือพวกผักสีเขียวรสขมๆต่างๆ คุณรู้ว่าควรกิน แต่คุณไม่ชอบกิน แต่คุณก็หาทางกินมันจนได้ ด้วยการเอามันไปปั่นและผสมกับเครื่องดื่ม             ภาษาอังกฤษก็เช่นกันครับ หลายๆคนรู้ว่ามีประโยชน์ รู้ว่าควรเรียน แต่ในกรณีนี้ คุณยัง 'ทำใจ' หรือหาวิธีทำให้ตัวเอง 'เต็มใจ' เรียนไม่ได้ หากคุณกำลังรู้สึกขยาดกับการลงทะเบียนเรียนคอร์สภาษาอังกฤษ หรือเกรงว่า จะไม่สามารถเรียนไปได้ตลอดรอดฝั่ง หรืออาจติดปัญหาใดๆอยู่ เรามีข้อแนะนำมาให้แก่คุณ 1. อย่าอดทนกับเสียงในหัวของคุณ             เมื่อคุณจะเริ่มต้นเรียนภาษาอังกฤษ หรือสนใจที่จะเรียนภาษาอังกฤษแต่ยังลังเลใจอยู่ เสียงในหัวของคุณมักจะพร่ำบอกว่า... "เธอเรียนไปก็เท่านั้น ไม่รู้เรื่องหรอก" "ไม่เห็นมีใครเรียนแล้วเก่งได้สักคน" "ไม่คุ้มค่าเรียนหรอก จะโรงเรียนไหนก็เถอะ สอนแล้วไม่เคยเห็นผลลัพธ์สักที่เดียว นายอย่าไปเรียนเลย" นั่นคือเสียงในหัว หรือเสียงจากสมองของคุณ แต่คุณรู้หรือไม่ครับว่า จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์...

อ่านต่อ "วิธีการใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน อย่างได้ผล ( Part 1/2 )" 5. พูดว่า “I Want to ask a Question” ฉันต้องการถามคำถาม ถามเพื่อนร่วมงาน เมื่อไม่เข้าใจ - ภาษาอังกฤษเพื่อทำงาน ก่อนที่จะถามคำถาม เนื่องจากเราพูดภาษาอังกฤษ มีโอกาสที่เพื่อนๆ พูดช้ากว่าภาษาไทย เนื่องจากไม่ใช่ภาษาแม่ หรืออาจยังไม่เข้าใจ...

" คนไทยกับการดูดวงเป็นของคู่กัน " การดูดวงในไทยก็มีหลายวิธีแตกต่างกันไป แต่วันนี้เรามีวิธีดูดวงที่เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่า มีแบบนี้ด้วยหรอ นั่นก็คือ Tasseography ถ้าพร้อมแล้วมาเริ่มอ่านกันเลย Tasseography คืออะไร? Tasseography เป็นการทำนายหรือการทำนายโชคชะตาที่ตีความรูปแบบในใบชา กากกาแฟ หรือตะกอนไวน์ วิธีการทำนายแบบ Tasseography หลังจากเทชาหนึ่งถ้วยแล้ว โดยไม่ต้องใช้ที่กรองชา ชาจะถูกดื่มหรือเทออกไป จากนั้นเขย่าถ้วยให้ดีและเทของเหลวที่เหลือในจานรอง จากนั้นผู้ทำนายดูลวดลายของใบชาในถ้วย...

แม้ว่าหมอดูจะคู่หมอเดาและหมอดูบางคนอาจไม่มีลูกบอลคริสตัลอยู่บนตัก แต่พวกเขาก็คาดการณ์ได้อย่างแม่นยำและถูกต้องในสิ่งที่จะเกิดขึ้น พวกเขาทำมันได้อย่างไร? วันนี้เรามาดูหมอดูดวงชื่อดังในตำนานจากฝั่งตะวันตกกัน The Pythia Pythia เป็นนักบวชหญิงที่พยากรณ์ในสถานที่ที่เรียกว่า Pytho สิ่งนี้เริ่มต้นราวศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาลในฐานะนักพยากรณ์ Pythia แห่งวิหารเดลฟีซึ่งเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ที่อุทิศให้กับเทพเจ้ากรีกอพอลโล ว่ากันว่านักบวชหญิงรายนี้ซึ่งได้รับเลือกจากกลุ่มนักบวชหญิงในวิหารโดยจะต้องอุทิศตนเพื่อเป็น Pythia โดยเฉพาะและละทิ้งภาระหน้าที่ของครอบครัวเมื่อได้รับเลือก ผู้คนที่ขอคำแนะนำจากเธอได้นำเงินมาถวายนักบวชหญิงและฆ่าสัตว์บูชายัญเพื่อคำทำนายของเธอ เป็นที่รู้กันว่าเธอคลั่งไคล้ในขณะที่ทำนายสิ่งต่าง ๆ เช่นสงคราม การเคลื่อนไหวทางการเมืองและการแก้ปัญหาระดับชาติ Nostrodamus หรือที่รู้จักในชื่อ มิเชล เดอ นอสเตรดาม เขาตีพิมพ์หนังสือในปี...

            ไม่ใช่เพียงประเทศไทยเท่านั้น ที่ประชากรส่วนใหญ่มักมีปัญหาในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ             แม้แต่ผู้คนในกลุ่มประเทศทางฝั่งตะวันตกเอง ซึ่งคนไทยเราเรียกแบบเหมารวมว่า 'ฝรั่ง' ก็มีหลายๆ ประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่พวกเขาก็สามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยความมุมานะและพากเพียรพยายาม             จากข้อมูลของ World Economic Forum ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศที่ประชาชนมีความรู้และทักษะภาษาอังกฤษในฐานะภาษาที่สองมากที่สุด คือ ประเทศ ดังต่อไปนี้ 1) เนเธอร์แลนด์ ประมาณเกือบ 3 ใน 4 ของประชากรทั้งหมดในประเทศเนเธอร์แลนด์  สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ 2) เดนมาร์ค ประเทศนี้มีสถิติประชากรที่มีทักษะความรู้ภาษาอังกฤษ เพิ่มากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี 3) สวีเดน ประมาณ 69% ของประชากรผู้ชาย และประมาณ...