Filler words นิยมใช้ ใช้บ่อย!!! ในภาษาอังกฤษ

2005

คำที่ใช้ในบทสนทนาประเภทคำเชื่อม หรือการถามซ้ำเพื่อความแน่ใจมีประโยคอะไรบ้างมาดูกันพร้อมตัวอย่างประโยคที่ทางเราเอามาแบ่งปันกัน

เริ่มกันที่คำในตำนานเลยคำว่า you know กับ you see เป็นคำซื้อเวลาที่ได้ยินบ่อยมาก

.

คำว่า you know พูดได้ทั้งเป็นประโยคบอกเล่าหรืออยู่ในรูปประโยคคำถามก็ได้  คือ you know? ความหมายก็ประมาณว่า “นึกออกป้ะ เก็ตป้ะ” หรือแปลว่า “ก็แบบว่า…”  เช่น

When the elevator went down, I got that weird feeling in my ears, you know? (ตอนที่ลิฟท์ร่วงลงมานะ รู้สึกแปลกๆในหูเลยอ่ะ นึกออกป้ะ)

We went to Mark’s party, you know, it was fabulous! (พวกเราไปงานปาร์ตี้ของมาร์คมา คือแบบว่ามันสุดยอดมากเลย)

ส่วนคำว่า you see ใช้เวลาที่เราหวังให้ใครเข้าใจในสิ่งที่คุณพูด หรือสิ่งที่เราพูดต่อไปนี้อีกฝ่ายไม่รู้  เช่น

You see, it’s better if you do your homework before dinner. (เห็นป้ะว่ามันจะดีกว่าถ้าทำการบ้านก่อนกินข้าวน่ะ)

อีกคำหนึ่งคือคำว่า you know what I mean?  เป็นประโยคเชิงคำถาม เอาไว้ถามเพื่อเช็คว่าอีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่เราพูดมั้ย  เช่น

I won’t let him ruin my life again, you know what I mean? (ฉันจะไม่ปล่อยให้เขามาทำลายชีวิตฉันอีกแน่ เข้าใจที่พูดมั้ย)

คำต่อมา คำว่า (or) something like that มักจะพูดท้ายประโยคประมาณว่าไม่แน่ใจ  แปลง่ายๆ ก็คือ “อะไรประมาณนั้น” เช่น

I think he’ll be here in 15 minutes or something like that. (ฉันคิดว่าเขาน่าจะถึงในอีก 15 นาทีประมาณนั้น)

เวลาที่เราจะซื้อเวลาเพื่อนึกคำพูดต่อไป หรืออยู่ในอาการลังเล เราอาจจะใช้คำว่า Let me think ก็แปลประมาณว่า “ขอคิดก่อนนะ”  เช่น

The last time I spoke to her was, let me think, three weeks ago. (ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับหล่อนก็…คิดก่อนนะ…ก็สามอาทิตย์ที่แล้ว)

อีกคำที่น่าจะได้ยินบ่อยคือคำว่า by the way  คำนี้เอาไว้ใช้เวลาที่เราเปลี่ยนหัวข้อเรื่องที่จะพูด แบบว่าพูดเรื่องนี้อยู่ดีๆ แล้วนึกเรื่องอื่นขึ้นมาได้ก็ให้พูดคำว่า by the way แปลเป็นไทยก็คงประมาณ  “เอ้อ…แล้ว” “เออ…ใช่” “เออ…ว่าแต่” “เดี๋ยวนะ…” เช่น

It’s so hot today. I want to have an ice cream. By the way, what time is it? (วันนี้ร้อนจริงๆเลย อยากกินไอติมเลย เออว่าแต่นี่กี่โมงแล้วล่ะ)

บางทีก็อาจจะได้ยินคำว่า How can I explain? พูดตอนที่อยากจะอธิบายบางอย่างให้เราเข้าใจแต่ไม่รู้จะพูดยังไง เช่น

She isn’t like anyone. She’s more special. How can I explain? I think I love her. (เธอไม่เหมือนคนอื่น เธอพิเศษกว่า จะให้พูดยังไงดี คือฉันคิดว่าฉันรักเธอเข้าแล้วล่ะ)

สำหรับ filler words ที่ฝรั่งเค้านิยมพูดกัน แต่อันที่จริงเจ้า filler words บางทีก็ไม่ดีเหมือนกัน พูดบ่อยเกินไปก็จะทำให้บทสนทนาดูเยิ่นเย้อ น่ารำคาญ เพราะฉะนั้นใช้แต่พองาม

ซึ่ง filler word พวกนี้มันก็น่าจะดีกว่าการที่เราเงียบไปเฉยๆ แบบไม่รู้จะพูดอะไรหรือพูดแต่คำว่า เอ้อ….อ่า….เอิ่มม..  อะไรแบบนี้ ซึ่งมันก็จะฟังดูน่าเบื่อกว่ามาก ถ้าได้มีโอกาสพูดกับชาวต่างชาติก็ลองสังเกตกันได้หรือเวลาดูหนังก็ลองฟังดูว่าเค้าพูดกันตอนไหน

Share
.