สำนวนภาษาอังกฤษที่บ่งบอกถึงความสิ้นหวัง เหนื่อยใจ

4841


วันนี้ Admin จะขอมาเสนอสำนวนในภาษาอังกฤษที่บ่งบอกถึงความท้อแท้ใจ ความสิ้นหวัง หรือบางทีเราเหนื่อยใจอยากจะโพสต์แคปชั่นบน Facebook แต่การจะโพสให้ฟังนั้นบางทีเราก็อาจจะโพสต์เป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้มีความกิ๊บเก๋

อย่างไรก็ตามแคปชั่นเหล่านี้นั้นส่วนใหญ่แล้วเราคัดมาแบบล่าสุด แบบที่วัยรุ่นชอบใช้ในปัจจุบัน  ว่าโดยปกติแล้วนั้นถ้าจะพูดถึงการท้อใจ รู้สึกเหนื่อยหรือเศร้าสามารถใช้สำนวนอะไรได้บ้าง เพื่อให้เป็นการไม่เสียเวลาเรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
.
.
.

.
  1. Out of the sort

    มาที่คำแรกกันเลยดีกว่า คำนี้อ่านว่า “เอ้า ออฟ ซอท” ซึ่งแปลว่าการที่เราไม่ค่อยสบายใจคือการที่เรารู้สึกเศร้าใจแต่เป็นการเศร้าใจแบบช้าๆค่อยๆเป็นค่อยๆไป ตัวอย่างเช่นช่วงนี้ฉันกินเยอะไปหน่อยฉันก็เลยอ้วน  ก็เลย feel out of sort คือรู้สึกเสียใจและไม่ Happy แต่เป็นการที่ไม่แฮปปี้แบบเศร้าโศกร้องไห้ไปเลย แค่รู้สึกท้อแท้หรือเสียใจแบบช้าๆนั้นเอง ไม่ได้หักมุมจนต้องร้องไห้ แต่อย่างไรก็ตามประโยคนี้สามารถมีความหมายว่าค่อยๆป่วย อาการทรุดหรือแย่ลงได้เหมือนกัน ตัวอย่างการใช้ประโยคเช่น I’ve been feeling out of sorts lately. ฉันรู้สึกเศร้าใจและท้อแท้ใจพักหลังๆมานี้
    .
    .
  2. Down in  the dumps

    คำนี้ก็มีความหมายที่ว่าเศร้าเสียใจและท้อใจได้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าคำนี้จะไม่ทางการเลย ดังนั้นคำนี้เราจะเจอแค่ในภาษาพูดแต่เราจะไม่เจอในภาษาเขียน ก็ควรใช้อย่างระมัดระวังเวลานำไปใช้ด้วยนะคะ อย่างไรก็ตามคำนี้จะมีตัวอย่างประโยคได้ว่า She’s a bit down in the dumps because she failed one of her exams. หล่อนรู้สึกท้อใจและเศร้าใจเพราะว่าหล่อนสอบไม่ผ่าน
    .
    .
  3. It’s not the end of the world

    คำนี้ค่อนข้างฮิตมากๆ  ซึ่งถ้าแปลตรงตัวนั้น สำนวนนี้จะแปลได้ว่า มันไม่ใช่จุดจบของโลก ถ้าแปลตรงๆอาจจะงง สำนวนนี้มีความหมายว่า มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย ก็เหมือนกับว่าถ้าเราทำอะไรผิด หรือเรามีข้อผิดพลาดตรงไหน มันไม่ได้เป็นจุดจบของโลก ก็คือมันไม่ได้แย่ขนาดนั้นนั่นแหละ   ตัวอย่างประโยคก็อย่างเช่น Breaking up with your ex is hard, but it’s not the end of the world. การที่เธอเลิกกับแฟนของเธอนั้นมันทำใจยาก แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย (เราหาใหม่ได้เนอะ)
    .
    .
  4. Just grin and bear it

    สำนวนนี้อาจจะมีความหดหู่ใจอยู่นิดนึง คือความหมายของคำว่า grin คือการยิ้มกัดฟัน เป็นการยิ้มที่แบบยิ้มกว้างยิ้มยิงฟัน เวลาที่เรายิ้มยิงฟันมันคือการยิ้มแบบตัวปลอมนั้นเอง เพราะฉะนั้นชาวสำนวนนี้แปลได้ว่าจง กัดฟันและยิ้มต่อไป ทำไมความหมายมันฟังดูทรมานมากๆเลย เวลาใช้ประโยคนี้ก็เอาไว้ใช้เวลาที่เราต้องเจออะไรยากๆแล้วเราต้องทนกับมัน ตัวอย่างประโยคก็อย่างเช่น I really don’t want to go, but I guess I’ll just have to grin and bear it. จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้อยากไปหรอกนะ แต่ฉันคิดว่าฉันคงต้องยิ้มกัดฟันแล้วทนต่อไป
    .
    .
  5. A misery guts

    คำนี้เป็นคำที่ไม่ทางการมากๆและคำนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคำที่เวลาใช้นั้นทำให้เหมือนดูทรมานมากๆ สำนวนนี้มีความหมายว่า การทุกข์ระทม หรือทุกข์ใจ ไม่สบายใจ  และรู้สึกผิดหวัง และสำนวนนี้เรากำลังจะพูดถึงคน ซึ่งมีความหมายว่าคนที่ทุกข์ระทมและพร่ำบ่นถึงมันตลอดเวลา ตัวอย่างการใช้ประโยคก็อย่างเช่น Stop being such an old misery guts! หยุดเป็นคนที่ต้องพร่ำเพ้อและรู้สึกแย่แบบนี้ได้แล้วนะ
    .
  6. Sour grapes

    สำนวนนี้ถ้าแปลตรงตัวจะมีความหมายได้ว่า องุ่นเปรี้ยว แต่ความจริงแล้วนั้นสำนวนนี้มีความหมายที่พูดถึงคนที่ต้องการมีอะไรบางอย่าง แต่ไม่สามารถมีสิ่งนั้นเอาไว้ครอบครองได้ เลยต้องโกหกตอบใจตัวเองว่าการมีสิ่งนั้นมันไม่ดี  ทั้งที่ความจริงนั้นมันอาจจะได้ แต่เราจำเป็นต้องโกหกเพื่อปลอบใจตัวเองไม่ให้รู้สึกแย่นั่นเอง
    .
    .
  7. Put the damper on

    และประโยคสุดท้ายมีที่อยากจะพูดถึงนั่นก็คือคำว่า  Put the damper onซึ่งมีความหมายที่ว่า การที่กีดกันยับยั้งหรือยับยั้งบางสิ่งบางอย่าง เพื่อให้บางสิ่งบางอย่างที่มันสนุกๆ ลดความสนุกลงมา เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อบางสถานการณ์พี่จะทำให้สถานการณ์นั้นหยุดหรืออ่อนลง มันก็คล้ายๆกับว่าการที่ทำให้อะไรบางอย่างกร่อยนั่นเอง ตัวอย่างเช่น The foul weather really put a damper on our picnic yesterday. สภาพอากาศที่เลวร้ายสร้างความเสียหายให้กับปิกนิกของเราเมื่อวานนี้
Share
.