ตกลงแล้วเราเป็นอะไรกัน มาดูกันว่าสำนวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในภาษาอังกฤษมีอะไรบ้าง

1843

ถ้าเรากำลังพูดถึงประเภทของความสัมพันธ์หรือ relationship นั้น คงจะอธิบายยากมากๆ เพราะบางทีก็เป็นได้แค่พี่ได้แค่น้อง บางทีก็เป็นได้แค่เพื่อน บางทีมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน บางทีมากกว่าพี่น้องมากกว่าเพื่อนแต่ก็ไม่ใช่แฟน บางทีเป็นได้แค่คนรู้ใจแต่ไม่ใช่คนที่ใช่ เยอะแยะไปหมดถ้าพูดถึงเรื่องประเภทของความสัมพันธ์ ไม่สามารถนิยามทั้งหมดได้จริงๆ

แต่อย่างไรก็ตามนั้นเรามีสำนวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในภาษาอังกฤษที่จะมานำเสนอ ซึ่งสำนวนเหล่านี้จะแบ่งเป็น 2 ด้าน ด้านแรกก็คือสํานวนภาษาอังกฤษเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในด้านที่ดี แต่อีกด้านนั้น ไม่อยากเรียกว่าไม่ดี แต่เอาเป็นว่าอธิบายยากแล้วกัน มันก็คือความสัมพันธ์ที่อธิบายยากนั่นเอง ไม่รู้จะอธิบายยังไง เศร้าจริงๆ มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง 
.
.
.

.

ด้านแรกคือด้านที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ดี ไปเป็นเพื่อน เป็นแฟน เป็นพี่ เป็นน้องหรือเป็นคนในครอบครัว เป็นอะไรก็ตามแต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างกันที่งดงามนั่นเอง

  1. be in someone’s good books 

    สำนวนนี้แปลได้ว่าการที่อีกคนนึงมีความรู้สึกที่ดีหรือมีความรู้สึกบวกกับเรานั่นเอง 

    ตัวอย่างเช่น 

    – I’m in the teacher’s good books,I helped her tidy the classroom.
    – ฉันเป็นคนโปรดของคุณครู เพราะว่าฉันช่วยเธอจัดระเบียบห้องเรียน
    .
    .
  2. get on like a house on fire

    สำนวนนี้แปลได้ว่า เข้ากันได้ดีมากๆ นอกเหนือจากนั้นแสลงของคำนี้ก็มีความหมายที่ว่าการที่เข้ากับคนใดคนหนึ่งได้อย่างรวดเร็วหรือมีความสนิทสนมกับอีกฝ่ายนึงอย่างรวดเร็ว หรือเข้ากันได้ดีก็ได้เหมือนกัน 

    ตัวอย่างเช่น 

    – Fortunately, we got on like a house on fire from the start.
    – โชคดีจริงๆที่พวกเรานั้นเข้ากันได้ดีตั้งแต่แรก
    .
    .
  3. keep/get/be/stay in touch with someone 

    สำนวนนี้แปลได้ว่า การที่ยังคงติดต่อกันการที่ยังพูดคุยกันอยู่ 

    ตัวอย่างเช่น

    – We must all keep in touch after our course is over.
    – พวกเราต้องยังติดต่อพูดคุยกันนะหลังจากจบคอร์สนี้ไปแล้ว
    .
    .
  4. make it up to someone

    สำนวนนี้แปลได้ว่า การที่เราทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อชดเชยกับบางสิ่งบางอย่างที่เคยทำไม่ดีในอดีต พูดง่ายๆก็คือการทดแทนนั่นเอง ในกรณีที่ในอดีตเราอาจจะพลาดพลั้งทำสิ่งที่ไม่ดีใครบางคน เราจึงทำการชดเชยให้กับคนๆนั้น 

    ตัวอย่างเช่น 

    – I am sorry I forgot your birthday, I promise I will make it up to you.
    – ฉันขอโทษที่ฉันลืมวันเกิดของเธอ ฉันสัญญาว่าฉันจะชดเชยให้เธอนะ
    .
    .
  5. take a shine to

    สำนวนนี้จะใช้ในตอนที่เรานั้นชอบอะไรมากๆ เห็นแล้วชอบทันที เห็นแล้วตกหลุมรักเลยอะไรแบบนี้ 

    ตัวอย่างเช่น 

    – I could see from her smile that she had taken a shine to him. 
    – ฉันสามารถเห็นได้จากรอยยิ้มของเธอ ว่าเธอนั้นชอบเขามากๆ 

.
.
.

และอีกด้านนั้นก็คือด้านความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างอธิบายยาก so complicated ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี อิอิ 

  1. be at loggerheads (ใช้กับ 2 คนขึ้นไปหรือเป็นกลุ่ม)

    สำนวนนี้แปลได้ว่า การที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง โต้เถียงหรือทะเลาะด้วยปากเสียงด้วยถ้อยคำที่รุนแรง 

    ตัวอย่างเช่น 

    – The council and local residents are at loggerheads over the plans for a new car park. 
    – คณะสภาและประชาชนท้องถิ่นมีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเกี่ยวกับแผนการทำที่จอดรถใหม่
    .
    .
  2. be (talking) at cross purposes (ใช้กับ 2 คนขึ้นไปหรือเป็นกลุ่ม)

    สำนวนนี้มีความหมายว่า การที่ไม่เข้าใจกันเพราะต่างคนก็ต่างพูดหรือทำในสิ่งที่ไม่ตรงกัน หรือต่างคนก็ต่างพูดวิธีทำในสิ่งที่แตกต่างกัน 

    ตัวอย่างเช่น 

    – We are talking at cross-purposes. I was referring to my brother and you are talking about my father.
    – นี่เรากำลังพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกัน ฉันกำลังพูดถึงพี่ชายของฉัน แล้วคุณกำลังพูดถึงพ่อของฉัน
    .
    .
  3. have it in for someone

    สำนวนนี้แปลได้ว่า ขุ่นเคือง แค้นใจ หรือการที่เราไม่พอใจกับใครบางคนแล้วฝังใจนั่นเอง (อารมณ์แบบแค้นฝังหุ่น)

    ตัวอย่างเช่น 

    – I can’t understand why he has it in for me. I have never done anything to harm him.
    – ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมเขาถึงขุ่นเคืองฉัน  ฉันยังไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดีกับเขาเลย
    .
    .
  4. rub someone up the wrong way

    สำนวนนี้มีความหมายว่า การที่ทำให้คนใดคนนึงรำคาญ การรบกวนใจคนอื่น อย่างเช่น เพื่อนบอกว่าอย่ามาแตะตัวฉัน เราก็อย่ากวนประสาทเลยไปแตะตัวเพื่อน แบบนี้นี่แหละที่เป็นคนทำให้คนอื่นรำคาญเรา

    ตัวอย่างเช่น 

    – She seems to always rub her boss up the wrong way. 
    – หล่อนดูเหมือนกับว่าจะชอบไปรบกวนใจหัวหน้าอยู่เรื่อย
    .
    .
  5. two-time someone

    สำนวนนี้สำหรับใครที่พึ่งอกหักจะเหมาะมากๆ ซึ่งมันมีความหมายที่ว่า การที่ไปมีความสัมพันธ์ด้าน relationship ในเชิงชู้สาวกับกับสองคนในเวลาเดียวกัน เอาง่ายๆ เป็นนางวันทองสองใจ ไม่อยากจะเรียกว่ามีชู้เพราะบางที ก็ยอมกันหมดทุกฝ่าย เอาเป็นว่าคนๆนึง มีความรักกับสองคนในเวลาเดียวกัน 

    ตัวอย่างเช่น 

    – She refused to believe he was two-timing her until she saw him with another girl.
    – หล่อนปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเขานั้นมีใจให้กับคนอื่นที่นอกจากหล่อน จนกระทั่งหล่อนไปเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น
    .
    .
  6. keep someone / something at bay

    สำนวนนี้มีความหมายที่ว่า การที่เราป้องกันไม่ให้บางคนหรือบางสิ่งบางอย่างเข้ามาใกล้เพื่อส่งผลกระทบที่ไม่ดีกับตัวเราหรือเข้ามาใกล้เพื่อทำร้ายตัวเรา 

    ตัวอย่างเช่น 

    – So far this year, I have managed to keep the flu at bay. 
    – จนถึงปีนี้ ฉันสามารถรักษาตัวเองไม่ให้เป็นไข้หวัดใหญ่จนได้
Share
.