ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเล่าเรื่องที่ไม่ต้องการโฟกัสคนทำงาน (ผู้กระทำ) แต่ต้องการเน้นผลหรือสิ่งที่ถูกกระทำ เช่น การแนะนำ “อาหารถูกเสิร์ฟแล้ว” แทนที่จะพูดว่า “เชฟเสิร์ฟอาหาร” ในภาษาอังกฤษ เทคนิคที่สำคัญคือ Passive Voice หรือรูปประโยคถูกกระทำ ซึ่งเป็นเครื่องมือจำเป็นสำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวันและการเขียนอย่างเป็นทางการ บทเรียนนี้จะพาคุณไปเข้าใจ Passive Voice อย่างลึกซึ้ง พร้อมตัวอย่างและเคล็ดลับที่ใช้ได้จริง ช่วยให้พูดและเขียนภาษาอังกฤษได้แม่นยำและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
Passive Voice คือรูปแบบประโยคที่เน้นที่ผู้ถูกกระทำซึ่งเป็นกรรมของประโยค แทนที่จะเน้นผู้กระทำ (ประธาน) โดยปกติรูปประโยคจะเปลี่ยนจากประธาน + กริยา + กรรม (Active Voice) เป็นกรรม + to be + กริยาช่อง 3 ตัวอย่างเช่น
– Active: The chef cooks the food.
– Passive: The food is cooked (by the chef).
โครงสร้างพื้นฐานของ Passive Voice คือ: Subject (กรรมเก่า) + Verb to be (is, am, are, was, were) + Past Participle (กริยาช่อง 3) ส่วนปัจจัยของ Verb to be ขึ้นอยู่กับเวลาและประธานในประโยคนั้น ๆ
Passive Voice ใช้ได้ในหลายสถานการณ์ เช่น
1. เน้นที่กรรมหรือผลของการกระทำ มากกว่าผู้กระทำ: “The window was broken.” (หน้าต่างถูกทำให้แตก)
2. เมื่อไม่รู้หรือไม่ต้องการระบุผู้ทำ: “The documents were lost.”
3. ในการเขียนเชิงวิชาการหรือเป็นทางการ เพื่อความเป็นกลาง: “The experiment was conducted successfully.”
จากข้อมูลล่าสุดใน Tavily, ในข่าวธุรกิจมักใช้ Passive Voice เพื่อเน้นการกระทำและผลลัพธ์ของบริษัท เช่น “The product was launched yesterday.” (ผลิตภัณฑ์ถูกเปิดตัวเมื่อวาน)
และในวงสนทนาประจำวันก็ใช้เช่น “The meal is served.” เพื่อแจ้งให้รู้ว่าสิ่งนั้นพร้อมแล้วโดยไม่ต้องพูดถึงคนทำงาน
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือ
1. ลืมเปลี่ยนรูป Verb to be ให้ตรงกับประธานและเวลา เช่น “The book were read” ต้องเป็น “The book was read”
2. ใช้รูป Active แทน Passive ในประโยคที่ควรใช้ Passive เพื่อเน้นกรรม
3. ลืมใช้ Past Participle เช่น “The cake is bake” ต้องเป็น “The cake is baked”
4. ใส่ by + agent ที่ไม่จำเป็นในประโยคที่ไม่เคยรู้ผู้ทำ หรือ ไม่สำคัญ
5. ใช้ Passive กับกริยาบางชนิดที่ไม่ควรใช้ เช่น กริยาแสดงความรู้สึกโดยตรง
แก้ไขด้วยการตรวจสอบโครงสร้างตามกฎ และฝึกฝนสร้างประโยคใหม่อย่างสม่ำเสมอ
เคล็ดลับช่วยจำ Passive Voice ที่ง่ายคือ
– จำรูปแบบเบื้องต้น Subject + to be + Past Participle
– รู้จักคำกริยาช่อง 3 อย่างน้อย 20 คำที่ใช้บ่อย เช่น cooked, made, written, seen
– ใช้สัญลักษณ์ “被” (ในภาษาจีน) หรือ “ถูก” ในไทยเพื่อเชื่อมโยงความหมายถูกกระทำ
– ฝึกเปลี่ยนประโยค Active เป็น Passive ทุกวัน เช่นจากข่าวหรือบทสนทนา
– จำว่า Passive Voice มักถูกใช้ในสถานการณ์ที่ผู้ทำไม่สำคัญหรือไม่รู้
เคล็ดลับเหล่านี้ช่วยให้คุณจดจำและใช้ Passive Voice ได้คล่องขึ้น
เปรียบเทียบ Passive Voice กับ Active Voice
– Active Voice: เน้นผู้กระทำ ทำให้ประโยคกระชับ และเหมาะกับการบรรยายเหตุการณ์ที่ชัดเจน เช่น
“The teacher explains the lesson.”
– Passive Voice: เน้นผลของการกระทำหรือผู้ถูกกระทำ ใช้ในกรณีที่ผู้กระทำไม่สำคัญหรือไม่รู้ เช่น
“The lesson is explained (by the teacher).”
ข้อแตกต่าง
* Active ใช้รูป Simple Present, Simple Past และรูปกริยาตามเวลาปกติ
* Passive ใช้โครงสร้าง to be + Past Participle
* Active มักมีความกระชับและชัดเจน
* Passive บางครั้งใช้ในการเขียนวิชาการหรือสถานการณ์ที่เป็นทางการ
เช่น
Active: “The company launched the product.”
Passive: “The product was launched by the company.”
การใช้งานขั้นสูงของ Passive Voice
– Passive ใน Tenses ต่าง ๆ เช่น Present Perfect Passive: “The report has been finished.”
– การละ agent (by + ผู้กระทำ) เมื่อไม่สำคัญหรือไม่รู้
– Passive กับ Modal Verbs เช่น “The work must be done by tomorrow.”
– รูปแบบ Negatives และ Questions ใน Passive Voice เช่น “Is the food prepared?” หรือ “The documents were not signed.”
– คำกริยาบางชนิดไม่สามารถใช้ใน Passive เช่นกริยาแสดงความรู้สึกหรือสถานะ
เข้าใจการใช้ Passive Voice ในหลายสถานการณ์ช่วยให้คุณสื่อสารเป็นธรรมชาติมากขึ้นและเหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ
การเรียนรู้ Passive Voice เป็นกุญแจสำคัญในการสื่อสารที่มีความชัดเจนและเป็นทางการมากขึ้นผ่านภาษาอังกฤษจากบทเรียนนี้เราได้เรียนรู้โครงสร้างหลักของ Passive Voice วิธีใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ พร้อมกับข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยง และเทคนิคช่วยจำที่ทำให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เรายังได้เปรียบเทียบ Passive กับ Active Voice เพื่อให้เข้าใจความแตกต่างชัดเจน และได้เรียนรู้การใช้งานขั้นสูงที่ช่วยให้การสื่อสารแม่นยำและนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น ขอเชิญทดลองฝึกเปลี่ยนประโยคต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันและบทสนทนา เพื่อเพิ่มความมั่นใจและทักษะของคุณอย่างรวดเร็ว!